4 เหตุผลที่ Developer หลายคนเลือกใช้ ‘OOP’ สำหรับพัฒนา Software
‘ภาษาสำหรับเขียนโปรแกรมในยุคนี้’ มีการพัฒนาค่อนข้างรวดเร็ว … จากการวิเคราะห์สถิติของเว็บไซต์ Stack Overflow ปีล่าสุด โดยทำการสำรวจ Software Developer กว่า 50,000 รายทั่วโลก พบว่า “Java” ถือเป็น 1 ใน 3 ของภาษาโปรแกรมซึ่งเป็นที่นิยมมากที่สุดรองจาก JavaScript และ SQL ที่นักเขียนโปรแกรม & นักพัฒนา Software ส่วนใหญ่เลือกใช้ !!!
Java คือ ภาษาโปรแกรมเชิงวัตถุ (Object Oriented Programming) ถูกสร้างขึ้นในปี 1991 และนำออกมาใช้สู่สาธารณะในปี 1995 พัฒนาโดย James Gosling และวิศวกรคนอื่นๆ ของบริษัท Sun Microsystems ซึ่งเป้าหมายหลักของการสร้างภาษา ‘Java’ ก็เพื่อใช้แทนภาษา C++ และสร้างให้เกิดเป็น Programming Language ที่สามารถทำงานบน Platform ใดก็ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึง Hardware หรือ OS … รวมถึง ‘Java’ เองก็ยังเป็น High Level Language หรือภาษาที่สามารถเขียนและอ่านได้ง่ายขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ นั่นก็คือในเรื่องของ การพัฒนา Software ในรูปแบบ Object Oriented Programming หรือ ‘OOP’ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเป็นการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุซึ่งเป็นแนวคิดในการพัฒนา Software ซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง เนื่องจาก Software ที่ถูกพัฒนาและใช้งานกันอยู่นั้นนับวันมีแต่จะซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ถ้าหากเราไม่จัดการกับ Code ให้ดีพอก็อาจจะทำให้การพัฒนา Software เกิดความล่าช้าหรือไม่สำเร็จได้ ‘OOP’ จึงออกแบบมาเพื่อให้ ‘Code’ ที่เราเขียนมีแบบแผนที่เหมาะสม เป็นระบบและพร้อมใช้ในการพัฒนาโปรแกรมที่มีความซับซ้อนอยู่ตลอดเวลา …
ดังนั้น สำหรับ ‘Java Developer’ ทุกท่านที่ต้องการพัฒนาทักษะการใช้งาน ‘OOP’ จึงควรมีความรู้ความเข้าใจในหลักการทั้งหมดเพื่อให้สามารถใช้ภาษาในการ Implement ได้อย่างถูกต้อง และเพิ่มประสิทธิภาพ & ความยืดหยุ่นของ Program ให้ดีขึ้นได้! ทีนี้ … เราลองมาดู 4 เหตุผลว่าทำไมองค์กรใหญ่ๆ ถึงส่งเสริมให้ Developer ของตนเองมีความเชี่ยวชาญในหลักการ ‘OOP’?
1) หลักการ OOP เมื่อนำมาปรับใช้กับการ Coding จะช่วยให้ Developer เห็นภาพรวมของ Code ได้ง่ายขึ้น ทำความเข้าใจและแก้ไขได้ถูกที่อย่างรวดเร็ว เพราะการเขียน Code แบบนี้จะช่วยให้หา Code ได้ง่ายและสะดวก นอกจากนี้ หลักการ OOP ก็ไม่ได้ยึดติดกับภาษาในการเขียนอันใดอันหนึ่งด้วย พูดง่ายๆ ก็คือ แทบจะทุกภาษาสามารถเขียนในรูปแบบของ OOP ได้ทั้งหมดนั่นเอง
2) หลักการ OOP มีความเป็นมาตรฐานสูงและช่วยให้ ‘Developer’ ทุกคนในทีมทำงานได้ง่ายขึ้น เนื่องจากหลักการเขียนจะมอง Code ต่างๆ เป็น Object ซึ่งช่วยให้คุณลดข้อผิดพลาดของการเขียน Code ลงและช่วยให้งาน Flow ได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
3) หลักการ OOP จะช่วยให้ Developer ที่เข้ามาเริ่มงานใหม่ทำงานได้คล่องตัวและไม่สับสน เนื่องจาก Code ที่เข้าใจได้ง่าย เป็นระบบระเบียบและช่วยลดความผิดพลาดในการทำงาน
4) หลักการ OOP ช่วยเพิ่มความปลอดภัยที่มากขึ้น เนื่องจาก OOP นั้น เราสามารถกำหนดได้ว่าจะให้ใครบ้างที่สามารถเข้าถึง Attribute หรือ Method นั้นได้บ้าง แน่นอนว่าจะช่วยลดโอกาสและความผิดพลาดจากการให้ Object อื่นๆ ภายนอกที่ไม่ได้รับอนุญาตเพื่อเข้าถึงข้อมูลได้อีกด้วย ซึ่งหลักการทำงาน OOP นั้น ประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญที่ต้องรู้ ดังนี้
- Encapsulation
การซ่อนข้อมูลถือเป็นหลักการพื้นฐานของ OOP โดยจะทำการซ่อนข้อมูลในส่วนของ Class นั้นๆ ที่เกี่ยวข้องภายใน Object ให้เป็นแบบ Private ไว้ เพื่อป้องกันการเข้าถึง Data จาก 3rd Party และ Class อื่นๆ
- Abstraction
ต่อยอดมาจาก Encapsulation คือการเปิดเผย Object เฉพาะส่วนที่จำเป็นต่อการใช้งานโดยเราไม่จำเป็นต้องรู้ถึงการทำงานหรือรายละเอียดภายในของมัน
- Inheritance
การสืบทอดคุณสมบัติใน OOP ช่วยให้เราสามารถสร้าง Class ใหม่ได้ โดยเอาคุณสมบัติ (Attributes) และพฤติกรรม (Methods) จาก Class ที่มีอยู่แล้วมาสร้างและเพิ่มคุณสมบัติ (Attributes) กับพฤติกรรม (Methods) เฉพาะตัวไปยังคลาสย่อย (Delivered Class)
- Polymorphismการที่ Object สามารถมีได้หลายรูปแบบ ซึ่งเกิดจากการสืบทอดจาก Super Class และยังคงรักษาสภาพและคุณสมบัติของ Super Class เอาไว้
กล่าวโดยสรุปก็คือ Object Oriented Programming หรือ ‘OOP’ ถือเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความได้เปรียบด้านการพัฒนา Software อย่างมาก ด้วยประโยชน์ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการใช้ Code ได้ซ้ำซ้อน การแยก Code เป็นส่วนย่อยๆ รวมถึงความยืดหยุ่นในการเขียน Program ซึ่งช่วยให้ Developer สามารถเขียน Code ออกมาได้อย่างเป็นระบบ เรียบร้อย มีประสิทธิภาพสูง และต่อยอดทักษะทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อก้าวสู่การเป็น Software Developer มืออาชีพ!
สำหรับใครที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนา Code ทาง Spaceship ก็ขอแนะนำหลักสูตรออนไลน์ Basic Object-Oriented with JAVA (พื้นฐานการเขียน Program ด้วย JAVA) ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจทักษะการแก้ไขปัญหาเพื่อการพัฒนาโปรแกรม เข้าใจถึงความหมาย หลักการและแนวคิดการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ OOP (Object Oriented Programming) เพื่อสร้างสรรค์โปรแกรมคุณภาพด้วยตัวคุณเอง ซึ่งเหมาะอย่างมากสำหรับ Software Developer / JAVA Developer / JAVA Tester / JAVA Programmer ที่ต้องการพัฒนาความรู้ความเข้าใจพร้อมกับปูพื้นฐานการเขียนโปรแกรมอย่างเป็นระบบ และต่อยอดการออกแบบและพัฒนาโปรแกรมจาก OOP สู่ AOP, Application, Web Application หรือการเขียน Program ภาษาอื่นๆ ในระดับที่สูงขึ้นได้ ถ่ายทอดเนื้อหาโดยผู้เชี่ยวชาญตรงด้าน Java Technology Trainer ตลอดการเรียนรู้เกือบ 5 ชั่วโมงเต็ม!
** สนใจดูข้อมูลและตัวอย่างการสอนเพิ่มเติมได้ที่ **
https://www.spaceship.in.th/courses/23/info